
หลังจากเต็มอิ่มกับขับรถเที่ยวนิวซีแลนด์ เกาะใต้ ไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับไทยเราได้แวะ กินเที่ยวซิดนีย์ 3 วัน 2 คืน เพราะว่าเราต้องมาต่อเครื่องที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ก่อนกลับไทยอยู่แล้ว บางคนจะเลือกไฟล์ทแบบมาแวะเที่ยวที่ซิดนีย์ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวนิวซีแลนด์ อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
*เราไปเที่ยว Sydney มาช่วงเดือน เมษายน 2019*

ติดตามรีวิวที่กิน ร้านอร่อย กันต่อได้ที่
FB : whateatit
IG : whateatit.bkk
Australia Transit Visa
ถ้าใครจะออกมาเที่ยวซิดนีย์สิ่งที่ต้องทำคือ Transit Visa (771) โดยวีซ่าประเภทนี้เราจะอยู่ที่ซิดนีย์ได้ครั้งละ 3 วันเท่านั้น สามารถเข้าออกได้หลายครั้งตามระยะเวลาที่วีซ่ากำหนด แต่ได้ครั้งละ 3 วัน
พอวีซ่านิวซีแลนด์ผ่านเรียบร้อย เราก็ไปขอ Transit Visa กัน ขั้นตอนไม่ยาก แค่ไปกรอกข้อมูลออนไลน์ แนบเอกสารต่างๆ ออนไลน์ได้เลย กรอกเสร็จมีอีเมล์มายืนยัน และนัดไปทำ Biometric
การไปเก็บ Biometric คือ การเก็บข้อมูลต่างๆ กับเราเพื่อใช้ในการระบุตัวตนของเรา เช่น ถ่ายรูปใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ ขั้นตอนไม่ยาก ปริ้นเอกสารใบนัด ไปที่อาคารเดอะเทรนดี้ สุขุมวิท 13 (BTS นานา) ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีค่าใช้จ่าย 850 บาท หลังจากเก็บ Biometric ของเราประมาณ 4-5 วัน วีซ่าก็อนุมัติส่งมาทางอีเมล์ค่ะ
วีซ่าเรียบร้อยแล้ว เราไปเริ่มทริปที่ซิดนีย์กันเลยดีกว่า
รีวิว เที่ยวซิดนีย์ ออสเตรเลีย 3 วัน 2 คืน ด้วยตนเอง
Day 1 : Christchurch – Sydney
Day 2 : Blue Mountain
Day 3 : Sydney – Bangkok
Day 1 : Christchurch – Sydney
เราเดินทางออกจาก Christchurch ตั้งแต่เช้าตรู่ ไฟล์ทออก 06.55 น. บินถึงซิดนีย์ 08.30 น. (เวลาที่ซิดนีย์เร็วกว่านิวซีแลนด์ 2 ชั่วโมง)
(ใครยังไม่ได้อ่าน รีวิวเที่ยวนิวซีแลนด์ แวะไปอ่านกันได้นะคะ เราไปมาก่อนที่จะแวะมาเที่ยวซิดนีย์)

เมื่อถึงสนามบินซิดนีย์ รับกระเป๋าเรียบร้อย อย่างแรกหาป้ายรถไฟเพื่อนั่งรถเข้าเมืองกัน ในซิดนีย์เราจะใช้บัตร Opal ในการเดินทางเป็นหลัก บัตรไปเดียวใช้ได้กับขนส่งสาธรณะทุกแบบ สะดวกมากๆ

Opal Card เป็นบัตรแบบเติมเงิน สามารถซื้อได้หลายที่ เราแวะซื้อที่ร้าน WHSmith ค่ะ เค้ามีแอปให้โหลดด้วยนะ โหลดไว้ก็ดี ใช้งานสะดวกดี แต่ๆๆๆ อย่าเติมเงินเยอะเกิน เพราะว่าเอาเงินคืนไม่ได้แหละ แต่เก็บไว้ใช้ได้อีกนาน จริงๆ เค้ารีฟันด์ให้ได้ แต่ต้องโอนเข้าธนาคารที่ออสเตรเลีย ซึ่งสำหรับเราก็แปลว่าไม่ได้นั่นแหละ ฮ่าฮ่า
การใช้ Opal Card ก็ง่ายๆ แค่แตะเข้าตรงจุดที่เราขึ้น และแตะออกตรงจุดที่เราลง อย่าลืมแตะออกนะคะ ไม่งั้นอาจจะโดนหักเงินเกินจริง


เราจะนั่งรถไฟไปลงที่ Central Station ใช้เวลาไม่เกิน 40 นาทีก็ถึงแล้ว ทั้ง 2 คืนของเราพักกันที่ Valentine On George เดินจาก Central Station ไม่ไกลมาก หลังจากเอาของไปฝากที่โรงแรมเรียบร้อยก็ออกไปเที่ยวกันเลย วันนี้เราจะเที่ยวรอบๆ ในตัวเมืองซิดนีย์กัน

อย่างแรกที่ทำเมื่อออกไปเดินเที่ยว คือ การกินชานมไข่มุก ไปเที่ยวนิวซีแลนด์มา 10 กว่าวัน ไม่ได้โดนชานมเลย แทบขาดใจ ฮ่าฮ่า มาซิดนีย์มีให้กินเพียบจ้า

เติมน้ำตาลเรียบร้อย เราก็เดินทางไปที่แรกกันที่ Circular Quay Bay สิ่งแรกเลยนะ คนเยอะมากเว่อร์ เยอะแบบมากไป เราก็จะงงๆ นิดๆ อยู่นิวซีแลนด์เห็นแต่แกะ วัว แล้วก็ภูเขา ส่วนที่ซิดนีย์นั้น นักท่องเที่ยวเดินแทบจะชนกัน เปลี่ยนบรรยากาศขั้นสุด จากตรงนี้เราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผ่าน Museum of Contemporary Art Australia

ที่เที่ยววันนี้จริงๆ ก็เดินถึงกันหมดแหละ แต่วันที่ไปแดดร้อนมาก เล่นเอาเพลียเลยทีเดียว เราแวะไปหามื้อเที่ยงกินกันที่ Pancakes On The Rocks เรียกได้ว่าเป็นร้านดังของที่นี่เลย

เราสั่งอาหารมา 2-3 อย่าง และต้องไม่พลาดแพนเค้กแน่นอน รสชาติอาหารโดยรวมก็ถือว่าโอเค แต่ร้านคนจะเยอะหน่อย รออาหารนานนิดนึง

กินอิ่มแล้วเดินไปเที่ยวต่อเลย Harbour Bridge ที่สะพานจะมีจุดชมวิวด้วย Paylon Lookout แต่ต้องเสียค่าขึ้นนะ คนละ 15 AUD ราคาแพงใช่เล่น แต่มาแล้วก็ขึ้นไปดูวิวซักหน่อย ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการสร้างสะพาน Harbour Bridge ให้เราดูด้วย
สะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge)


วิวด้านบนเห็นสวยงาม เดินวนดูให้ครบทุกด้าน ตรง The Rocks มีเรือสำราญมาจอดรอผู้โดยสารขึ้นเรือด้วย เรือใหญ่มาก เห็นแล้วว้าวมาก เพราะเราไม่เคยเห็นเรือสำราญใกล้ขนาดนี้มาก่อน

อีกกิจกรรมยอดฮิตที่สะพานนี้คือ การเดินบนสะพาน ค่าทัวร์นั้นราคาโหดใช้ได้ ขึ้นมาแค่ที่ Lookout ก็พอละ แหะๆ

จากนั้นเดินไปอีกหน่อยไปที่แลนด์มาร์กของออสเตรเลีย นั่นก็คือ Opera House ตรงอื่นว่าคนเยอะแล้ว ตรง Opera House นี่คือพีคสุด คนแน่นมาก

เราไปเดินเล่นกันได้อยู่แปบนึง ทนไม่ไหวกับแสงแดดจริงๆ ก็เลยแวะไปเดินเล่น นอนกลิ้งๆ ในสวนที่ Botanical Garden

นั่งพักพอหายเหนื่อย แล้วเดินประมาณ 1 กม. ไปที่ St Mary’s Cathedral ก่อนถึงโบสถ์จะผ่าน Hyde Park มีคนทำกิจกรรมกันเยอะเลย เดินเล่นกันเพลินๆ ช่วงเย็นบรรยากาศดีมาก


มหาวิหารเซนต์แมรี่ (St Mary’s Cathedral)
ตอนไปถึงที่โบสถ์เค้ากำลังทำพิธีอยู่ เราเข้าไปส่องๆ ด้านในแค่แปบเดียว แล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆ โบสถ์ ตัวโบสถ์สวยมาก


Sydney Tower Eye
และก็มาถึงที่เที่ยวสุดท้ายในวันนี้ของเรา Sydney Tower Eye เดินจากโบสถ์ไปไม่ไกล ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว ค่าขึ้นทาวเวอร์คนละ 29 AUD ที่นี่เค้ามีเป็นตั๋วแบบรวมหลายๆ ที่เที่ยวไว้ด้วย เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของ Sydney Tower Eye ได้เลยค่ะ แต่ว่าที่อื่นเราไม่ได้ไป ก็เลยซื้อตั๋วแยกดีกว่า

ตอนแรกเราจะขึ้นไปด้านบนก่อนพระอาทิตย์ตก แต่ว่าต่อแถวนานมาก ขึ้นไปด้านบนได้ก็มืดแล้ว ได้ดูวิวตอนกลางคืนแทน ระหว่างทางขึ้นมามีหนัง 3 มิติให้ดูด้วย สวยแปลกตาดี

จากนั้นก็ไปหาข้าวเย็นกินแถว China Town เราจะไปกันที่ฟู๊ดคอร์ท ตึก Sussex Centre เพราะว่าเราไปตามหาเฝอเนื้อ ที่ฟู๊ดคอร์ทมีของกินเยอะมาก เรียกว่านานาชาติเลย ราคาไม่แรง อิ่มแบบสบายกระเป๋า รูปอาจจะเบลอนิดๆ น้า หิวจนมือสั่น ฮ่าฮ่า

และเฝอที่เราตามหา Saigon Pho ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เฝอเนื้ออร่อยน้ำตาไหล เนื้อนุ่ม น้ำซุปดี พูดแล้วก็อยากไปกินอีกเลย


หลังจากกินเฝอเรียบร้อย เราก็ตระเวนแวะร้านชานมและเครื่องดื่มต่างๆ ร้านไหนแถวยาว ต่อให้หมด ฮ่าฮ่า แล้วก็กลับไปนอนผึ่งพุงที่โรงแรม เตรียมตัวไป Blue Mountain พรุ่งนี้กัน
Day 2 : Blue Mountain
เช้านี้เราออกเดินทางกันแต่เช้า นั่งรถไฟออกจาก Central Station รอบ 07.54 น. รถไฟเป็นแบบ 2 ชั้น นั่งสบาย

นั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง หลับหนึ่งตื่นถึงพอดี ลงที่สถานี Katoomba จากนั้นก็ต่อรถบัสสาย 686 ไปลงที่ Blue Mountain ไม่ต้องกลัวจะขึ้นรถไม่ถูก เดินตามคนอื่นเค้าไปได้เลย เพราะส่วนมากทุกคนไป Blue Mountain กันหมดแหละ

ถ้าไม่อยากนั่งรถบัสประจำทาง เค้ามีแพคเกจแบบ Blue Mountains Explorer Bus แต่ว่าแพงมากจ้า เราไม่ไหวอ่ะเอาจริงๆ นั่งรถบัสประหยัดกว่าเยอะ
Scenic World
จุดแรกเรามาลงที่ Scenic World กันก่อน เราซื้อตั๋วแบบ Discovery Pass คือ รวมค่า Skyway Cableway Railway และ Walkway

ได้ตั๋วมาก็ยังเข้าไม่ได้นะจ๊ะ เพราะคนเยอะมาก ต้องรอเข้าตามรอบที่เราซื้อตั๋วไว้ ระหว่างรอ เราก็เลยนั่งรถบัสย้อนไปที่ Echo Point เพื่อไปถ่ายรูปแลนมาร์กสำคัญของที่นี่ นั่นก็คือ Three Sisters ซึ่งวิวไม่ได้สวยอะไรมากหรอก ฮ่าฮ่า เป็นหินที่มีตำนานของที่นี่ตั้งอยู่ 3 อันเรียงกันแหละ แต่ถือว่าไม่มาไม่ได้อ่ะนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง

แล้วเราก็เดินเล่นชมวิวตามจุดต่างๆ อีกนิดหน่อย จากนั้นเราก็กลับไปที่ Scenic World อีกครั้ง อย่างแรกเรานั่ง Skyway ไปกลับ จากนั้นนั่ง Railway ลงไปด้านล่าง เดินเล่นต่อใน Walkway และขึ้น Cableway กลับมาด้านบน เป็นอันหมดวันพอดี ช่วงที่ไปคนเยอะมาก ทำให้ต้องต่อคิวนาน เสียเวลาพอสมควร

รูป Railway ขออนุญาตยืมรูปจาก Scenic World มานะคะ อยากให้เห็นบรรยากาศของ Railway เค้าบอกว่าความชัน 52 องศาเลยทีเดียว รูปรีวิวที่ Scenic World อาจจะน้อยไปหน่อย เพราะว่าคนเยอะมากๆ เราก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ แหะๆ

จริงๆ ที่นี่มีแทรคให้เดินหลายจุด แต่ว่าช่วงที่เราไปน้ำตกน้ำน้อยมากๆ ดูจากบางน้ำตกที่มองเห็นแล้ว เราก็เลยคิดว่าไม่เดินแทรคดีกว่า และเราใช้เวลาใน Scenic World นานกว่าที่คิดไว้เยอะเลยด้วย
ซึ่งก็น่าเสียดายที่ไม่ไปเดินแทรค เพราะ Scenic World ไม่ใช่ทางเราเท่าไหร่ ไปเดินตามแทรคเพลินๆ คงสนุกกว่าเยอะ ถ้าให้แก้ตัว ชั้นจะไม่ไป Scenic World งือๆ วันนี้หมดเวลา นั่งรอรถบัสกลับไปขึ้นรถไฟได้

Darling Harbour Fireworks
นั่งรถไฟกลับซิดนีย์ เรามีนัดตอน 3 ทุ่มที่ Darling Harbour ที่นี่จะมีการแสดงพลุทุกวันเสาร์ ซึ่งตรงกับวันที่เราไปพอดีเลย หามื้อเย็นกินง่ายๆ แล้วก็ไปหาจับจองที่ริมน้ำกันได้เลย ดูพลุฟรีกันเพลินๆ จากนั้นกลับโรงแรมนอน

ขอแอบแถมร้าน Yogurt Drink แถว China Town ร้านนี้ไว้หน่อย คือตอนเราไปคนต่อแถวยาวมากๆๆๆๆๆ เราก็เลยไปต่อกับเค้าด้วย ก็อร่อยดีนะ เป็นโยเกิร์ตใส่ข้าวเหนียวดำ อาจจะดูไม่เข้ากัน แต่ทำมาอร่อยมาก (ตอนที่เราลงรีวิว คือตอนนี้มีร้านที่ไทยแล้ว แต่เราว่าตอนที่เรากินที่ซิดนีย์มันอร่อยกว่า สงสัยจะคิดไปเอง ฮ่าฮ่า)

Day 3 : Sydney – Bangkok
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะอยู่ที่ Sydney กัน วันนี้ตื่นสายๆ ชิลๆ ตอนเช้าวันอาทิตย์แบบนี้ คนบางตาพอสมควร เราเดินไปกินอาหารเช้าไม่ไกลโรงแรมมาก Type B Cafe On Quay เป็นคาเฟ่เล็กๆ แต่อาหารเช้าอร่อยมาก


สวนสัตว์แฟทเทอร์เดล (Featherdale Sydney Wildlife Park)
และวันนี้เราจะไปเที่ยวสวนสัตว์กัน Featherdale Wildlife Park เป็นสวนสัตว์ที่ต้องเดินทางจาก Central Station ไปประมาณ 1 ชั่วโมง นั่งรถไฟไปลง Doonside Station แล้วต่อรถบัสเดินทางไม่ยากค่ะ ที่เราเลือกมาที่สวนสัตว์นี้ เพราะที่นี่ได้ใกล้ชิดกับสัตว์มากกว่าสวนสัตว์ Tarongo และเป้าหมายของเราคือ เราจะไปเล่นกับน้องจิงโจ้
เราซื้อตั๋วออนไลน์มาเรียบร้อย ถ้าซื้อออนไลน์มาล่วงหน้า จะได้กระเป๋าผ้ากับน้ำเปล่า 1 ขวดด้วย แต่เราจำค่าตั๋วไม่ได้แล้ว แหะๆ น่าจะประมาณ 60-70 AUD
สวนสัตว์ที่นี่ไม่ใหญ่มาก แบ่งเป็นโซนต่างๆ ส่วนที่สัตว์เยอะสุดก็คือ นกและสัตว์ปีกต่างๆ มีภาพมาฝากกันนิดนึง


มาถึงหมีโคอาล่ากันบ้าง ปกติหมีโคอาล่าก็จะเอาแต่นอนแทบทั้งวัน และก็เจอแต่น้องหมีตอนกำลังหลับจริงๆ มีตัวเดียวที่ตื่น คือ ตัวที่เค้าให้จ่ายเงินเข้าไปถ่ายรูป ฮ่าฮ่า เราก็เลยได้แต่รูปน้องหมีโคอาล่าแบบหลับๆ มา หลับกันโดยพร้อมเพรียงมากๆ


จากนั้นเราก็ไปเล่นกับน้องจิงโจ้กัน ที่คิดเอาไว้คือได้เจอจิงโจ้แบบตัวเท่าเรา แต่พันธุ์ที่เค้าเปิดให้เราเข้าไปเล่นด้วยตัวเท่าน้องหมาเลย อิอิ

ตัวใหญ่เค้าให้อยู่ในรั้ว เราเข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองด้วย

ตอนเดินออกมากำลังมีโชว์เพนกวิน เจ้าหน้าที่จะให้อาหารและเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพนกวินพันธุ์นี้ให้ฟัง


ตอนแรกนึกว่าจะอยู่ไม่นาน ไปๆ มาๆ อยู่ในสวนสัตว์นานมากๆ เพลินเลย เค้ามีให้ตามเก็บแสตมป์สะสมตามโซนต่างๆ ด้วย ไปปั๊มเล่นเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันได้ เป็นตุ๊กตาหมีโคอาล่าตัวเล็กๆ พอเป็นที่ระลึกกรุบกริบ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับโรงแรมเพื่อไปเตรียมตัวเดินทางกลับไทยกันแล้ว เราขึ้นเครื่องจากซิดนีย์ 19.20 น. เดินทางแบบรวดเดียวถึงประเทศไทย 01.45 น. โดยสวัสดิภาพ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดทริปนะคะ เอาไว้เจอกันทริปหน้านะคร้า
ติดตามรีวิวที่กิน ร้านอร่อย กันต่อได้ที่
FB : whateatit
IG : whateatit.bkk