ก่อนจะไปเริ่มรีวิวแพลนเที่ยว และที่เที่ยวในคาซัคสถาน แบบขับรถเที่ยวเอง เรามาทำความรู้จักคาซัคสถานกันสักหน่อย หรือใครจะข้ามไปอ่าน แพลนเที่ยวเลย คลิกที่ รีวิวเที่ยวคาซัคสถาน ได้เลยค่ะ ทริปนี้เราไปกันช่วงกลางเดือน พฤษภาคม นะคะ
ที่ตั้ง : ประเทศคาซัคสถาน อยู่ในแถบเอเชียกลาง ทวีปเอเชีย เมืองหลวงคืออัสตานา (Astana) เป็นประเทศที่มีพื้นที่เป็นอันดับ 9 ของโลก อยู่ระหว่างรัสเซียและอุซเบกิสถาน และอยู่ติดกับคีร์กีซสถาน หลายๆ คนเวลาแพลนไปเที่ยวแถบนี้ จึงไปหลายๆ ประเทศต่อกันได้เลย
แต่ทริปนี้เราจะเที่ยวเฉพาะในคาซัคสถานที่เมืองอัลมาตี (Almaty) อย่างเดียวเลยค่ะ
เวลา : เวลาที่คาซัคสถานช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
สายการบิน : จากประเทศไทยมีบินตรง จากสุวรรณภูมิและภูเก็ตไปยัง Almaty โดยสายการบิน Air Asatana ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 7 ชั่วโมง
วีซ่า : ไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตไทย คาซัคสถาน ฟรีวีซ่า 30 วัน
ค่าเงิน : ตัวย่อค่าเงินของคาซัคสถาน คือ KZT หน่วยเงินเป็น Tenge คิดเทียบเงินง่ายๆ 1000 Tenge ประมาณ 82 บาท สามารถถือเงิน USD หรือ Euro ไปแลกที่คาซัคสถานได้เลย ที่แลกเงินหาไม่ยาก
ในตัวเมืองส่วนมากจ่ายด้วยบัตรได้ แต่นอกเมืองห่างไกล แนะนำพกเงินสดไปด้วย โดยเฉพาะเกสต์เฮาส์หลายๆ ที่รับเฉพาะเงินสด
ภาษา : ภาษาหลักที่ใช้ในคาซัคสถาน คือ ภาษารัสเซียและภาษาคาซัค ภาษาอังกฤษใช้ได้แค่ในเมือง แต่น้อยมากที่คนที่คาซัคจะพูดภาษาอังกฤษได้
ส่วนไปนอกเมือง ภาษาอังกฤษเท่ากับศูนย์ ดังนั้นเตรียมโหลด Google Translate แบบออฟไลน์ไว้ได้เลย เพราะบางที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่มี ส่วนมากที่เราใช้ เราใช้แปลเป็นภาษารัสเซียค่ะ
อาหาร : อาหารส่วนใหญ่รสชาติทานง่าย เป็นเมนูเนื้อวัวซะเป็นส่วนมาก เนื้อสัตว์อื่นๆ ก็มี เนื้อม้า เนื้อแกะ และไก่ ไปที่คาซัคสถานต้องได้ลองเมนูเนื้อม้าเป็นอาหารจานเด็ดของที่นี่เลย
ในเมือง Almaty ร้านอาหารเยอะมาก และมีหลากหลายชาติให้เลือก ทั้งอาหารอินเดีย อาหารเกาหลีก็มี ไม่ต้องกลัวอด แต่นอกเมืองอาจจะไม่ค่อยมีตัวเลือกเท่าไหร่ โดยเฉพาะที่พักที่เป็นเกสต์เฮาส์ เลือกเมนูไม่ได้ แล้วแต่เจ้าของที่พักจะทำให้กิน
แฟนเราผู้ซึ่งไม่กินเนื้อก็จะหาของกินยากหน่อย กินได้แต่เมนูไก่ เราก็เลยพกข้าวสวยแบบที่เป็นแพคๆ ที่กินได้เลย แต่เราไปขอเค้าอุ่นในไมโครเวฟทุกที่เลย แล้วก็พกพวกของกินที่แห้งๆ ไก่หยอง อะไรพวกนี้ไปด้วย ไม่อดแน่นอน
*พิกัด ข้าวพร้อมทาน โรซ่า : Shopee หรือ Lazada
สภาพอากาศ : ช่วงที่เราเดินทางคือ ช่วงกลางเดือน พ.ค. เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ กำลังจะเข้าหน้าร้อน อากาศประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส อากาศไม่ร้อนมาก แต่แดดแรงมากกกกก
ส่วนช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวเยอะๆ จากที่สอบถามจากที่พักมา เค้าบอกว่าประมาณเดือน มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งเป็นหน้าร้อน ซึ่งชาวเมืองร้อนอย่างเรา ถ้าไปเที่ยวช่วงนั้นน่าจะร้อนไปมากค่ะ ฮ่าฮ่า
อีกช่วงที่แนะนำนอกจากช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็คือช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ ส่วนช่วงฤดูหนาวนั้น ใครอยากไปปะทะความเย็น เดือน ม.ค.-ก.พ. หนาวสุด ติดลบ 20-30 องศาเซลเซียส เป็นเรื่องปกติไปเลยค่ะ
Sim Card : เราซื้อซิมท้องถิ่น โดยไปซื้อที่ Beeline Shop ในเมือง อันนี้จากการหาข้อมูลมาของ Beeline น่าจะครอบคลุมโซนที่เราจะเที่ยวมากที่สุด ก็เลยเลือกเจ้านี้ค่ะ จำรายละเอียดแพคเกจไม่ได้ น่าจะเป็นเน็ตแบบ Unlimited ในราคา 6000 KZT ค่ะ
การเดินทาง : การเดินทางในเมืองสะดวกสบายมาก ถ้าอยากประหยัดสามารถขึ้นรถเมล์ได้เลย จ่ายเงินบนรถกับคนขับได้ ราคาเที่ยวละ 150 KZT อย่าลืม จ่ายเสร็จให้ขอใบเสร็จจากคนขับเก็บไว้ด้วย เพราะมีคนขึ้นมาตรวจตั๋วด้วยนะ ถ้าใครไม่อยากนั่งรถเมล์ สามารถเรียก Taxi ผ่าน app Yandex ได้เลย ราคาไม่แรง เราว่าถูกกว่านั่ง Taxi ที่ไทยมาก และส่วนนอกเมือง เราเช่ารถขับทั้งทริปค่ะ
ข้อแนะนำเรื่องการใช้ Yandex สำหรับเราการใช้งานแอปไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนจ่ายเงินบัตรที่เราผูกไว้กับแอป เราลองใช้ทั้ง Travel Card และบัตรเครดิต ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะตัดไม่ผ่าน ต้องจ่ายเป็นเงินสด
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เราก็เลยเช็กกับทางบัตร ปรากฏว่าบัตรถูกล็อก เพราะเหมือนเป็นการจ่ายเงินจากแอปที่ดูผิดปกติ ต้องยืนยันว่าเราใช้งานเองจริงๆ และปลดล็อกให้หน่อย ส่วนบัตรเครดิตก็ตัดผ่านบางใบ บางใบก็ไม่ผ่านเหมือนกัน สรุปว่าพกเงินสดไว้ด้วย เผื่อบัตรตัดไม่ผ่านนะคะ
การเช่ารถ : ทริปนี้เราเช่ารถจาก Hertz ตอนจะจองที่ Almaty ให้เสิร์ช Hertz Almaty ได้เลยค่ะ เลือกวัน ประเภทรถ ผ่านหน้าเว็บ แล้วเดี๋ยวเค้าจะเมล์ตอบมา มีปัญหาอะไรให้ติดต่อทาง Whatsapp ได้ เจ้าหน้าที่ติดต่อคุยภาษาอังกฤษได้ค่ะ และมีอีกตัวเลือกในการเช่ารถ อันนี้อ่านในรีวิวฝรั่งมา เค้าเช่ากันที่ Vladex เสิร์ช Vladex Almaty ได้เลย
แต่พอดีช่วงที่เราจะไปรถหมด ก็เลยไม่ได้เช่ากับที่นี่ค่ะ เอกสารที่ใช้ในการเช่ารถ มีใบขับขี่สากล และใบขับขี่บัตรแข็งที่เราใช้ที่ไทย แล้วก็บัตรเครดิตสำหรับกันวงเงินไว้ตอนเช่ารถเหมือนการเช่ารถปกติ
ประเภทรถ จากที่ขับเอง แนะนำให้เช่ารถที่สูงหน่อยพวก SUV 4WD ได้ก็ดี เนื่องจากทางนอกเมืองค่อนข้างขรุขระ ยิ่งถ้ามีแพลนเข้า Altyn-Emel National Park แนะนำ SUV เท่านั้น รถเก๋งธรรมดาไม่เหมาะ เพราะในอุทยานเป็นทางลูกรังทั้งหมด ถ้าเช่ารถแบบขับลุยๆ ได้จะได้ขับสบายๆ
การขับรถ : ที่นี่ขับรถพวงมาลัยซ้าย อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวนิดนึง แต่ขับไม่ยากค่ะ ถนนนอกเมืองรถน้อยถึงขั้นโล่งมาก เส้นทางขับง่ายไม่หลง ส่วนในเมืองมีช่วงรถติดช่วงเย็นๆ คนที่นี่ขับรถกันเกรี้ยวกราดนิดนึง บีบแตรใส่ตลอด ไฟเขียวปุ๊บจะต้องมีเสียงแตรจากคันหลัง แล้วก็ขับเผื่อระยะหน่อยนะ คนที่นี่เค้าอยากเปลี่ยนเลนก็ออกเลย อยากปาดก็ปาดโลด ฮ่าฮ่า ต้องมีสติตอนขับนิดนึง
ข้อที่ต้องระวังในการขับรถเที่ยวเอง คือ ต้องแพลนการเติมน้ำมัน โดยเฉพาะเวลาขับข้ามเมืองไกลๆ เพราะบางช่วงไม่มีปั๊มน้ำมันเลย และห้องน้ำระหว่างทางนอกเมือง แอบทำใจไว้นิดนึง เพราะส่วนมากเป็นส้วมหลุมนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ส่วน App แผนที่ที่ใช้ แนะนำโหลด Yandex Maps ไปด้วยนะคะ Google Maps พอได้แต่บางสถานที่อาจจะไม่ตรงเป๊ะค่ะ
ที่พัก : ในตัวเมือง Almaty สามารถจองผ่าน Booking Agoda ได้ตามปกติค่ะ แต่พอออกนอกเมือง ส่วนมากจะไม่มีโรงแรมใหญ่ จะเป็นเกสต์เฮาส์เสียมากกว่า
เราขอแชร์วิธีของเราเผื่อเอาไว้เป็นทางเลือกนะคะ เราเสิร์ชเมืองที่เราต้องการพัก แล้วก็ดูที่พักที่ขึ้นในแผนที่เลยค่ะ เลือกจากการดูรูปและรีวิวที่นักท่องเที่ยวลงไว้ค่ะ หลายๆที่จะใส่เบอร์โทรไว้ สามารถติดต่อผ่านเบอร์นั้นผ่าน whatsapp ได้เลยค่ะ
นอกจากวิธีนี้แล้ว ยังมีที่พักในเว็บ kolsaytur.kz เป็นที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ค่ะ สามารถดูราคาและติดต่อผ่านทาง whatsapp ได้เช่นกัน
ความปลอดภัย : เป็นอีกคำถามที่หลายๆ คนสงสัย เที่ยวคาซัคสถานอันตรายไหม หลังจากที่ไปเที่ยวแล้ว เราว่าที่นี่ถือว่าปลอดภัยเลยทีเดียว ในเมือง Almaty สะอาดมาก สำหรับเราไม่เจอเหตุการณ์อะไรที่ดูน่ากลัวนะคะ คนที่นี่อาจจะไม่ค่อยยิ้ม แต่ขอความช่วยเหลืออะไรเค้าเต็มใจช่วยหมดค่ะ แต่ใดๆ ก็อย่าลืมเที่ยวด้วยความไม่ประมาทจะดีที่สุด
รีวิวเที่ยวคาซัคสถาน ฉบับขับรถเที่ยวเอง 8 วัน 7 คืน
ก่อนจะพาไปดูรายละเอียดแพลนเที่ยวของทริปคาซัคสถาน ถ้าใครไม่สะดวกขับรถเที่ยวเอง แนะนำติดต่อ Local Tour มีทั้งแบบ Join Tour และแบบ Private Tour จาก Almaty ค่ะ แต่ส่วนตัวเราไม่มีข้อมูล Local Tour แนะนำนะคะ
ต่อไปเรามาเริ่มทริปกันเลย ในทริปนี้เราจะขับรถเที่ยวเฉพาะในแถบ Almaty ส่วนใครอยากไปเที่ยว Astana ซึ่งเป็นเมืองหลวงของคาซัคสถานต่อ สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถไฟจาก Almaty ได้ค่ะ
แพลนเที่ยวคาซัคสถาน 8 วัน 7 คืน
Day 1 : BKK – ALA (ถึง Almaty ช่วงเย็นๆ)
Day 2 : Big Almaty Lake เดินเล่นในเมือง และไปรับรถช่วงเย็น
Day 3 : Almaty – Lake Issyk – Charyn Canyon – Saty
Day 4 : Saty – Kaindy Lake (นั่งม้าเข้าไปดูทะเลสาป) – Kolsai Lake
Day 5 : Kolsai Lake (Hiking)
Day 6 : Kolsai Lake – Altyn-Emel National Park
Day 7 : เที่ยวใน Altyn-Emel National Park ตอนเย็นขับรถกลับ Almaty (คืนรถ)
Day 8 : เที่ยวใน Almaty ขึ้นเครื่องกลับตี 1
ค่าใช้จ่าย : ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ตอนที่เราไปตั๋วไป-กลับ BKK-ALA-BKK คนละ 26,000 บาท และทริปนี้เราไปกัน 2 คน ถ้าไป 3-4 คน ค่ารถ ค่าน้ำมัน กับค่าที่พักจะถูกลงค่ะ
ค่าที่พัก : 7 คืน 14,000 (คนละ 7,000)
ค่าอาหาร : คนละ 4,300
ค่าเช่ารถ : 5 วัน 19,000 บาท (คนละ 9,500)
ค่าน้ำมัน : ทั้งหมด 2,700 (ขับไปประมาณ 1500 km) (คนละ 1,350 บาท)
ค่าเข้าสถานที่ : ค่ากิจกรรมต่างๆ คนละ 4,000
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 26,150 บาท
พร้อมแล้วมาดูรายละเอียดการเดินทางในแต่ละวันกันได้เลย
Day 1 : Bangkok – Almaty
เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังเมือง Almaty โดยสายการบิน Astana บินตรง ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 40 นาที ออกจากสุวรรณภูมิ 10.15 น. ถึงที่ Almaty 16.20 น. ผ่าน ตม. แบบสบายมากไม่ถามอะไรเยอะค่ะ เราใช้ wifi ที่สนามบินในการเรียกรถจาก Yandex เพื่อไปที่พักค่ะ
ที่พักของเราใน 2 คืนแรกเป็นที่พักแบบอพาร์ทเมนต์ให้เช่า ค่าที่พัก 2 คืน 34,000 KZT มีที่จอดรถของอพาร์ทเมนต์ให้จอดได้ฟรี แต่หาที่จอดยากหน่อย เพราะต้องจอดที่เดียวกับคนที่พักที่นั่นค่ะ
เข้าที่พักเรียบร้อยก็เรียกรถเข้าไปหาที่แลกเงิน ซึ่งเราก็แลกตามร้านแลกเงินตามปกติเลยค่ะ และไปซื้อซิมที่ Beeline Shop ค่ะ เราจำแพคเกจซิมแบบเป๊ะๆไม่ได้ แต่น่าจะเป็นแบบเน็ต Unlimited ราคา 6000 KZT ทาง Shop ดูแลลงทะเบียน และเปิดใช้งานให้ได้เลย
จากนั้นไปเดินเล่นหาของกินแถวๆ Arbat Street อันนี้ตกใจมาก เพราะอาหารมีให้เลือกหลากหลายชาติเลย เราจบมื้อแรกที่คาซัคสถานด้วยอาหารเกาหลีซะงั้น ฮ่าฮ่า แล้วก็เรียก Yandex กลับที่พักนอนเอาแรง เพื่อเริ่มทริปกันในวันพรุ่งนี้
Day 2 : Big Almaty Lake
วันนี้เราจะเที่ยวกันในตัวเมือง ตอนเช้าเรากินอาหารเช้าง่ายๆ รอทางไกด์มารับจากที่พักไปที่ Big Almaty Lake กันค่ะ
ช่วงที่เราไป Big Almaty Lake ยังไม่สามารถขับรถขึ้นไปด้านบนถึงที่ทะเลสาบได้นะคะ ดังนั้นเราก็เลยติดต่อไกด์ที่คาซัคสถานเอาไว้ผ่านทาง whatsapp
แต่ตอนมาถึงคุณไกด์ส่งลูกสาวมาดูแลเราแทน น้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้พอประมาณ พยายามดูแลเราเป็นอย่างดีค่ะ ค่าเสียหายอยู่ที่ 150 USD/คัน ซึ่งไปได้ประมาณ 3-4 คนค่ะ เราไป 2 คนก็ราคาแอบโหดอยู่ไม่น้อย แต่มาแล้วอ่ะนะ เปย์ไปโลดดด
นั่งรถจากที่พักไปประมาณ 30 นาที เราจะไปถึงคาเฟ่ตรงทางขึ้นไปที่ทะเลสาบค่ะ ถึงตรงคาเฟ่อันนี้คนทั่วไปสามารถขับรถเข้ามาถึงได้ค่ะ สั่งเครื่องดื่มนั่งรอชิลๆ แปบนึงก็มีรถมารับไปทะเลสาบด้านบน โดยรถที่จะผ่านจากจุดนี้ไปด้านบนต้องเป็นรถที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นค่ะ
หรือถ้าใครไม่อยากเปลืองค่าคนพาเข้า เค้ามีให้เช่าจักรยาน/สกูตเตอร์ไฟฟ้า ขึ้นไปด้านบนทะเลสาบได้นะคะ ราคาอันนี้ไม่แน่ใจ แต่เคยเห็นที่คนอื่นลงราคาไว้ ประมาณ 15000-18000 KZT ค่ะ หรือประหยัดสุดก็คือ เดินขึ้นไปได้เลย แต่ไปกลับน่าจะใช้เวลานานอยู่ค่ะ
นั่งรถต่อไปไม่นานก็ถึงทะเลสาบแล้ว น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสวยมาก บางส่วนยังเป็นน้ำแข็งอยู่เลย และพอเราไปถึงปุ๊บ ฝนก็เทหนักมาก ต้องหาที่ร่มหลบแปบนึง ทำให้วิวท้องฟ้าไม่สดใสเท่าไหร่ ตรงนี้เค้าจะให้เราเดินเล่น ชมวิว ถ่ายรูปได้เต็มที่ แล้วรถจะมารับเรากลับไปด้านล่าง เราใช้เวลาตรงนี้ประมาณ 30 นาทีค่ะ
จากนั้นไกด์ก็จะไปส่งเราในเมือง เราเลือกไปลงที่ร้านอาหารอินเดีย ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนชอบกินอาหารอินเดีย เจอร้านนี้รีวิวดูดีน่าลองมากๆ สรุปว่าอร่อยใช้ได้เลย
กินข้าวเรียบร้อย เรียกรถไปเดินเล่นที่ Zenkov Cathedral และ Park of 28 Panfilov Guardsmen เดินเพลินๆ อากาศดี สวนร่มรื่นมากๆ
ช่วงเย็นเราไปรับรถที่ Hertz บริษัทรถอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม Rahat Palace Hotel สามารถนั่งรถเมล์ไปลงแถวๆ โรงแรม แล้วก็เดินไปที่โรงแรมได้เลย
การขึ้นรถเมล์เที่ยวในเมืองที่นี่ไม่ยาก ถ้าอยากประหยัดให้ซื้อบัตรแบบ Top Up จากเครื่อง Kiosk หรือที่สถานี Metro ได้ค่ะ ค่าบัตร 400 KZT แล้วก็เติมเงินสำหรับไว้ขึ้นรถต่างหาก ค่ารถเที่ยวละ 80 KZT (คิดเป็นเงินไทยประมาณเที่ยวละ 6-7 บาทเท่านั้น)
แต่ตามแพลนเราไม่ได้ขึ้นรถในเมืองเยอะ ก็เลยใช้เงินสดจ่ายกับคนขับค่ะ แต่จะราคา 150 KZT ซึ่งต้องขอสลิปใบเสร็จมาด้วยนะ เพราะว่าเค้ามีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสุ่มตรวจ ซึ่งของเราก็โดนตรวจนะ แต่ก็พิมพ์ Google Translate บอกเค้าไปว่า จ่ายแล้วแต่คนขับไม่ได้ให้สลิปมา เค้าก็เดินไปคุยกับคนขับ แล้วเราก็ได้สลิปมาจ้ะ
ตรวจรับรถเรียบร้อย รถไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่ามาก แต่ที่อยากให้ทุกคนเช็ก คือ เรื่องแอร์ เพราะว่าคนที่คาซัคสถาน ปกติเค้าขับรถไม่เปิดแอร์ เค้าใช้การเปิดกระจกแทน ทำให้บางทีรถอาจจะแอร์ไม่เย็น ยิ่งไปช่วงหน้าร้อน แดดแรงมาก แอร์ไม่เย็นนี่ไม่ไหวแน่ ส่วนคันของเราเช็กแอร์แล้ว แอร์เย็นใช้ได้ แต่พอตอนขับใช้งานจริง เปิดแล้วแอร์เหม็นอับมาก เหม็นจนทนไม่ไหว สรุปไม่ได้เปิดแอร์ขับ ฮ่าฮ่า
Day 3 : Almaty – Lake Issyk – Charyn Canyon – Saty
เช้าวันที่ 3 ของเราแวะกินอาหารเช้าง่ายๆ เหมือนเดิม จากนั้นขับรถไปยังเป้าหมายแรก Lake Issyk ทะเลสาบนี้จะชื่อคล้ายๆ ของที่คีร์กีซสถาน แต่ขอบอกก่อนว่าคนละที่กันน้า ฮ่าฮ่า ใช้เวลาขับรถไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากการอ่านรีวิวใน Google มาทุกคนบอกว่า จอดรถปุ๊บถึงปั๊บ ไม่ต้องเดิน
แต่พอไปถึงจริงๆ เค้าให้เราจอดได้ถึงแค่จุดนึงเท่านั้น พยายามแปลภาษาถามเจ้าหน้าที่ว่าทำยังไงจะขับรถขึ้นไปได้ เค้าบอกอย่างเดียวว่าขับขึ้นไปไม่ได้อ่า ฮือออ… แต่ไม่เป็นไร เดินไปสิ ฮ่าฮ่า
แต่ระหว่างที่เราเดินอยู่นั้น ก็มีรถพร้อมนักท่องเที่ยวผ่านไป 2-3 คัน อ่อ…เค้าซื้อ Local Tour มากันนั่นเอง เพราะที่หน้ารถทุกคันที่สามารถขับขึ้นไปได้มีกระดาษแปะๆ อยู่ ตอนที่เราเดินขึ้นมา ก็มีนักท่องเที่ยวอีก 2 คัน ต้องเดินขึ้นไปแบบเราเหมือนกัน ทะเลสาบไม่ใหญ่มาก น้ำสีฟ้า ด้านหลังเป็นแบคกราวน์ภูเขาสวยๆ
ดีที่ไม่ได้ไกลมาก แต่ก็ไม่ใกล้นะ แหะๆ เดินขึ้นไปเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกัน รวมเวลาเดินไปกลับ เวลานั่งเล่นถ่ายรูปอยู่ที่ทะเลสาบอีกครึ่งชั่วโมง เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ทำให้เสียเวลากับที่นี่นานไปหน่อย ต้องตัดที่เที่ยวบางอันในแพลนออกไป
จากนั้นขับรถต่อไปอีกหน่อย ประมาณ 30 นาที ไปแวะกินข้าวเที่ยงที่เมือง Esik Town กินข้าวเสร็จมีขับรถแว๊บไปที่ทางขึ้น Asy-Turgen Observatory แต่ปรากฏว่าก็ขับขึ้นไปไม่ได้เหมือนเดิม แต่อันนี้ระยะทางเดินเท้าต่อไม่ไหวจริงๆ อยากมาก็ควรจะซื้อ Local Tour เอานะ
ไปต่อสถานีต่อไปขับรถยาวๆ ไปอีก 2 ชั่วโมง ไปที่ Charyn Canyon ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของคาซัคสถานเลย มีทัวร์มาลงเยอะเลย ค่าเข้าคนละ 900 KZT
แคนยอนพื้นที่ใหญ่มาก สามารถเดินเที่ยวได้ 2 เลเวล คือด้านบนแคนยอน จะได้ดูวิวจากมุมสูง มีจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะเลย ส่วนด้านล่างจะเป็นทางลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนไปถึงแม่น้ำด้านใน เราสามารถจ่ายเงินขึ้นรถของทางอุทยานเข้าไปด้านในได้โดยไม่ต้องเดิน แต่ว่าเราเวลาไม่พอ เดินเล่นด้านบนก็นานแล้ว ก็เลยไม่ได้นั่งรถเข้าไปจนถึงแม่น้ำด้านใน ก่อนมาเสิร์ชดูรูปมาแล้ว สวยอยู่นะ ใครมาก็เผื่อเวลาเข้าไปด้านในด้วยน้า
จริงๆ ที่ Charyn Canyon จะให้สวยต้องรอถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตก แต่ตอนที่เราไป 6 โมงครึ่งแล้วแดดยังเปรี้ยงอยู่เลย ฮ่าฮ่า แล้วก็ต้องไปนอนพักอีกเมือง ซึ่งต้องขับรถต่อไปอีก 100 กม. เพราะว่าใกล้ๆ Charyn Canyon ไม่มีที่พักเลย เมื่อก่อนเคยมีที่พักด้านในของแคนยอน แต่หลังจากโควิด จนถึงตอนที่เราไปเค้ายังไม่เปิดเลย
รีบขับรถไปที่เมือง Saty อย่างด่วนๆ เพราะเจ้าของเกสต์เฮาส์ทักมาถามหลายรอบแล้วว่า ยังมาอยู่ใช่มั้ย จะมาถึงกี่โมง เพราะกว่าเราจะไปถึงที่พักก็ 2 ทุ่มแล้ว สรุปก็คือ เจ้าของบ้านเค้ารอกินข้าวพร้อมเราแหละ รู้สึกผิดเลย
แต่ที่ไปถึงช้า เพราะนอกจากจะออกจากแคนยอนช้าแล้ว วิวระหว่างทางก็สวยมาก มัวแต่ถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ ฮ่าฮ่า เอาวิวข้างทางมาอวดหน่อย กลัวจะไม่เชื่อว่า Landscape Kazakhstan สวยจริงๆ
อันนี้เป็นรูปที่พักของเราคืนนี้ ชื่อ GUEST HOUSE ZHULDYZ ราคาคนละ 12,000 KZT รวมอาหารเย็นกับอาหารเช้า ที่พักสะอาด นอนหลับสบาย ตอนมาพัก ไม่มีแขกคนอื่นเลย เหมือนเหมาที่พักไปเลย
อาหารเป็นมื้อง่ายๆ เหมือนแกงเนื้อใส่ผัก ราดข้าว อร่อยอยู่นะ แต่แฟนเรากินเนื้อไม่ได้ ก็กินแต่ผักไป ฮ่าฮ่า แล้วเค้าก็เสิร์ฟชาร้อน กินกับขนมบนโต๊ะที่วางอยู่เยอะมากกกกก
Day 4 : Saty – Kaindy Lake – Kolsai Lake
อาหารเช้าเป็นเมนูง่ายๆ ไข่ดาว ขนมปัง กินกับชา จริงๆ วันนี้ตามแพลนเราตรงไปที่ Kaindy Lake กันเลย แต่ดูแล้วเวลาน่าจะเหลือเยอะมาก เพราะขับต่อไปอีกที่แค่แปบเดียวก็ถึงแล้ว
เราก็เลยขับย้อนไปที่แคนยอนกันอีก แต่เปลี่ยนไปที่ Temirlik Canyon ตรงจุดนี้ไม่มีเก็บค่าเข้า และไม่มีใครเลย ขับไปเที่ยวแบบเหงาๆ วิวก็สวยอยู่นะ แต่ถามว่าคุ้มมั้ยกับการขับรถย้อนไปมาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ไม่ได้เสียดายเวลาที่ขับมา แต่เปลืองค่าน้ำมันเฉยๆ ฮ่าฮ่า
จากนั้นก็ขับกลับไปทางเมือง Saty อีกครั้ง เพื่อไปที่ Hotel Kolsy Grand แวะไปเช็กอินเข้าที่พัก ระหว่างทางข้ามเมือง วิวดีอีกแล้ว สวยเกินความคาดหมาย
ระหว่างทางมีฝูงแกะ ฝูงม้าที่เค้าเลี้ยงไว้เยอะแยะเลย โดนกีดขวางการจราจรเป็นระยะๆ ฮ่าฮ่า แปลกสุดก็เจอฝูงอูฐด้วย
ความฮาคือ ทางโรงแรมบอกว่า ห้องที่เราจองไว้พอดีเต็มนะ (เราจองไว้แบบไม่ได้มัดจำ เพราะไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมโอนเงิน แหะๆ) ทางโรงแรมก็เลยอัพเกรดห้องให้แล้ว แต่อัพเกรดแล้ว ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วยนะ แล้วเราจองไว้แบบ type ถูกสุด อยู่ดีๆ ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มซะงั้น ถึงจุดนี้ทำไรไม่ได้ละ มีห้องให้ก็โอเคแล้ว ยอมจ่ายไปแต่โดยดี
ค่าห้องคืนละ 38,000 KZT เราจะนอนที่นี่ 2 คืน ห้องสวย วิวดี แต่ในห้องเรา wifi โรงแรมไปไม่ถึง และสัญญาณโทรศัพท์ที่โรงแรมก็ใช้ไม่ได้อีกต่างหาก
จัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อย ไปกันต่อที่ Kaindy Lake ถนนทางเข้าค่อนข้างจะขรุขระมาก เราใช้ SUV ก็ขับสบายหน่อย ลุยๆ เข้าไปได้เลย เข้าไปที่ทะเลสาบเค้ามีแบบทัวร์พาเข้าไป สามารถติดต่อที่โรงแรมได้เลย
ค่าเข้าคนละ 1,000 KZT เข้าไปถึงด้านในสามารถเลือกได้เลยว่าจะเดินเข้าไป หรือขี่ม้าเข้าไป ค่าขี่ม้าคนละ 6,000 KZT อันนี้แนะนำว่าขี่ม้าเข้าไปดีกว่า เพราะระหว่างทางวิวไม่ได้สวยมาก ถ้าเดินเข้าไปน่าจะประมาณชั่วโมงกว่า ขี่ม้าชมวิวไปได้เรื่อยๆ เพลินๆ แปบเดียวถึง
ไปถึงจุดจอดม้า เค้าจะให้เราลงและถ่ายรูปให้เราบนหลังม้ากับวิวทะเลสาบให้ก่อน แล้วก็จะให้เราเดินเข้าไปที่จุดชมทะเลสาบด้านในอีกที
Kaindy Lake ถ้าจะให้ถูกต้องตาม Ref ที่เราเห็นมา น้ำต้องเรียบกริ๊บ สีฟ้าสดใส มีต้นไม้โผล่ขึ้นมาเป็นแท่งๆ กลางน้ำ ดูแปลกตาดี แต่ตอนเราไปลมตึงๆ น้ำก็เป็นอย่างที่เห็น ทะเลสาบไม่ใหญ่มาก ถ่ายรูปแปบนึงแล้วก็เดินออกมาขี่ม้ากลับ
แต่ก่อนกลับเข้าโรงแรมเรามีแอบแว๊บขับรถเลยขึ้นไปที่ Kolsai Lake ซึ่งเราจะไป Hiking กันในวันพรุ่งนี้ แล้วก็แอบส่องที่พักริมทะเลสาบ ขอบอกคนที่จะไปเลยว่า เลือกที่พักริมทะเลสาบเลยดีกว่า วิวสวย ราคาแพงกว่าที่เราพักไม่มาก มีสัญญาณเน็ตมือถือ 4G อีกต่างหาก งือ เจ็บช้ำ
จากนั้นกลับโรงแรมไปกินข้าวที่โรงแรมกัน อาหารที่โรงแรมอร่อยเลย ถ้าไม่ได้พักที่นี่ ก็สามารถแวะมากินข้าวเฉยๆ ก็ได้นะ
Day 5 : Kolsai Lake (Hiking)
เช้านี้ตื่นแต่เช้ามาก ตั้งใจจะไปถ่ายวิวรอบๆ ทะเลสาบก่อนที่คนจะเยอะ เราไปถึงทะเลสาบตั้งแต่ 8 โมงเช้า แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีเรา 2 คน กับอีก 2 คน ที่มาหลังเรานิดนึง
และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะตอนเช้าน้ำเรียบกริบ เงาสะท้อนกับภูเขาสวยมาก แบบสวยตาแตก สวยแบบถ่ายรูปไปก็พูดว่าสวยไปเรื่อยๆ ขอยกให้ที่นี่เป็นที่เที่ยวที่สวยที่สุดของทริปคาซัคสถานนี้สำหรับเราเลย
เดินเล่นถ่ายรูปจนพอใจ ขับรถกลับไปโรงแรมไปกินอาหารเช้า และไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับ Hiking กัน ที่ Kolsai Lake จะแบ่งเป็น Lake 1 กับ Lake 2
โดย Lake 1 คือ ทะเลสาบที่เราจอดรถเสร็จเดินไปถึงก็เจอทะเลสาบเลย เป็นจุดที่เราไปเดินเล่นกันตอนเช้า ส่วน Lake 2 จะต้องใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 6-7 ชั่วโมง ระยะทางเดินไปกลับประมาณ 15 กม. เป็นการเดินแบบไปกลับทางเดียวกัน สามารถเดินเข้าไปเองได้เลย โดยไม่ต้องใช้ไกด์ค่ะ
ช่วงแรกๆ ที่เดินเข้าไปก็ไม่ยากมาก เดินไปได้เรื่อยๆ มีขึ้นเนินบ้าง สลับๆ กันไป แต่ว่า 2 กม. สุดท้ายนี่แอบท้าทาย ต้องใช้สกิลปีนป่ายกันหน่อย ตอนก่อนเราเริ่มเดิน เจอฝรั่งที่เพิ่งเดินออกมา เราเลยถามเค้าว่าทางเดินยากมากมั้ย เค้าบอกว่าชิลๆ แต่ 2 กม. สุดท้ายเหนื่อยมาก และก็เป็นจริงอย่างที่เค้าบอก ฮ่าฮ่า
เดินเข้าไปถึงด้านในสุด นั่งพัก ดูวิว กินอาหารที่แพคมา เรียกว่าพกมาแค่ช็อกโกแลตจะดีกว่า กะมาเดินชิลๆ ฮ่าฮ่า สรุปหิวมาก และเรามาช่วงอากาศร้อน พกน้ำมาไม่พอ ตอนเดินกลับช่วงท้ายๆ พอไม่มีน้ำกินทำเอาแย่เหมือนกัน ส่วนใครไม่อยากเดิน แต่อยากเข้าไปใน Lake 2 เค้ามีม้าให้เช่าขี่เข้าไปได้ ค่าขี่ม้าที่ถามมาคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ น่าจะ 3-4 พัน ขี่ม้าไปกลับประมาณ 4 ชม.
เราเริ่มเดินประมาณ 10 โมงเช้า ใช้เวลาเดินไปประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง กลับออกมาปุ๊บ ดิ่งกลับโรงแรม ไปอาบน้ำ กินข้าว นอนตายไปเลย
Day 6 : Kolsai Lake – Altyn-Emel National Park
หลังจากเมื่อวานใช้กำลังขาในการเดินอย่างทรหดไปแล้ว วันนี้ไม่ต้องทำอะไร ขับรถอย่างเดียว ขับรถกันไปยาวๆ ไปที่ Basshi Village เพื่อไปเที่ยวที่ Altyn-Emel National Park ระหว่างทางเราแวะที่ Shonzy เพื่อกินอาหารกลางวันและเติมน้ำมัน
ขับรถออกนอกเมืองยิ่งมาเมืองไกลๆ ต้องวางแผนการเติมน้ำมันให้ดี เพราะระหว่างข้ามเมืองไม่มีปั๊มเลย วิวข้างทางก็ยังสวยเหมือนเดิม ขับรถเพลิน
ไปถึงที่เมือง Basshi เอาของไปเก็บที่พัก วันนี้เราพักที่ Aigay Kum AENP ค่าที่พักคนละ 10,000 KZT รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า ที่นี่เป็นเกสต์เฮาส์ แต่เราขอเรียกว่าเป็นโรงแรมเลยแล้วกัน เพราะทำเป็นห้องน้ำในตัว ส่วนกลางก็ไม่ได้ต้องไปใช้รวมอะไรกับใครมาก ห้องพักเยอะมากด้วย เราว่าคนที่มาเที่ยว Altyn-Emel National Park น่าจะมาพักที่นี่กันเยอะเลย ดูจาก Local Tour ก็พาลูกทัวร์มาพักกันเยอะเลย
เก็บของเรียบร้อย เดินไปนิดนึงก็ถึง Central Office เพื่อซื้อบัตรเข้า Altyn-Emel National Park ตอนที่เราไป ราคาตอนนั้นเป็นราคาบัตรแบบ 2 วัน ราคาคนละ 2,475 KZT แต่อัพเดทตอนนี้ที่ดูล่าสุดของปี 2024 เป็นราคาวันเดียว ค่าเข้าคนละ 1,169 KZT สามารถเช็กรายละเอียดได้ที่เว็บทางการของอุทยานได้ที่ altynemel.kz
ได้บัตรเรียบร้อย เราก็ขับรถไปที่ Singing Sand Dune กันเลย ตรงทางเข้าจะมีจุดตรวจบัตรและให้ลงทะเบียน ตอนเราไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ต้องจอดรถลงไปเรียกให้เค้ามาเปิดที่กั้นให้เข้าด้วย
ถนนที่ขับเข้าไปในอุทยาน ทางเป็นทางลูกรังทั้งอุทยาน ขับเร็วมากก็ไม่ได้ ทางอาจจะดูเป็นทางดินลูกรังธรรมดา แต่ว่าพื้นผิวของทางเป็นคลื่นตลอดทั้งทาง ทำให้ตอนขับรถสะเทือนมากพอสมควร
และเราก็มาถึง Singing Sand Dune อันโด่งดัง มาถึงช่วงเย็นกะว่าจะมาถ่ายแสงเย็นสวยๆ ปรากฏว่า ฝนตกและลมแรงมาก แรงแบบเดินขึ้นไปบนเนินทรายแทบไม่ไหว มีนักท่องเที่ยวรวมเราด้วยก็เป็น 3 กลุ่ม มีกันอยู่ไม่ถึง 10 คน เราเพิ่งมาถึง ก็อยากจะขึ้นไปดูวิวข้างบนซักหน่อย ส่วนคนที่อยู่ข้างบนก็รีบวิ่งหนีพายุทรายกันใหญ่ ฮ่าฮ่า เป็นการเที่ยว Singing Sand Dune ที่ผิดคาดไปเยอะ
ลมและฝนมันแรงมากจริงๆ ทรายพัดเข้าหน้าเจ็บมาก
พยายามฝ่าลม ฝ่าฝนขึ้นไปบน Singing Sand Dune แบบทุลักทุเลขั้นสุด แล้วก็รีบกลับมาขึ้นรถ ขับกลับที่พัก หมดกันที่อยากจะไปถ่ายแสงเย็นที่เนินทราย แดดยังไม่ได้เห็นเลย ฮืออออ…
Day 7 : Altyn-Emel National Park – Almaty
วันนี้เราจะเข้าไปเที่ยวในอุทยานกันอีกรอบ เป็นอีกที่ที่รอคอยมากๆ นั่นก็คือ Aktau Mountains ซึ่งในภาษาคาซัค แปลว่า ภูเขาสีขาว เพราะตรงนี้เป็นหินปูนสีขาวเหมือนชอล์ก และพื้นที่ส่วนนี้เคยเป็นมหาสมุทรมาก่อน และจากนั้นเปลือกโลกก็ยกตัวสูงขึ้นเป็นภูเขา Aktau นั่นเอง ระยะทางขับรถจากเมือง Basshi ไปประมาณ 75 กม.
ไปถึงก็สวยอย่างที่ดูรูปมาจริงๆ แต่แดดร้อนเปรี้ยงๆ และเวิ้งว้างมาก
ขับรถเปลี่ยนจุดดูวิวไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องกลัวติดใครทั้งนั้น ตอนที่เราไปไม่มีใครเลย วิ่งเล่นกันอยู่สองคนแบบเหงาๆ ฮ่าฮ่า
เสร็จแล้วก็ไปกันต่อที่ Katutau Mountain ที่นี่เป็นเปลือกโลกยกตัวสูงขึ้น แต่มีลาวาไหลมาทับถามกันทำให้เป็นหินสีแดงรูปทรงแปลกตา ขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้
หลังจากเที่ยวในอุทยานเรียบร้อย เราก็ขับรถตรงกลับไปที่ตัวเมือง Almaty ใช้เวลาขับกันยาวๆ ประมาณ 5 ชั่วโมง เย็นนี้เราต้องไปคืนรถในตัวเมืองก่อน 6 โมงเย็น
ช่วงที่เรากลับไปถึงในเมืองเป็นช่วงเย็นวันศุกร์พอดี ในเมืองรถติดมาก และเราต้องแวะปั๊มไปเติมน้ำมันคืนให้เต็มถัง คิวเติมน้ำมันก็ยาวมากเช่นกัน ทำให้เราไปคืนรถช้า
แต่ว่าทางที่เช่ารถบอกว่า ไม่มีปัญหาไม่รีบ เทคไทม์ตามสบาย ชิลๆนะยูว ขอแถมไว้นิดนึงเรื่องการเติมน้ำมันที่ปั๊มในเมือง ถ้าถังน้ำมันเราอยู่ด้านไหน เราต้องต่อแถวด้านนั้น ไม่มีการไปวนรถมาจอดเพื่อเติมถังอีกฝั่งนะจ๊ะ ทางปั๊มไม่เติมให้ ต้องต่อแถวฝั่งที่เป็นถังน้ำมันรถเราเท่านั้น ซึ่งบางทีแถวนั้นก็ยาวมากกกกก แต่ก็ต้องต่อไปจ้ะ
อ้อ…ก่อนคืนรถ เราแวะเอาของไปไว้ที่พักเรียบร้อย Vita Home ราคา 32,000 KZT ต่อ 2 คืน ที่พักวันนี้เป็นบ้านที่เค้าแบ่งเป็นห้องๆ ให้เช่า มีทั้งแบบห้องน้ำในตัว บ้านใหญ่ สะอาด ห้องดี แต่ห้องเราอยู่ชั้น 3 และห้องน้ำอยู่ชั้น 1 เท่านั้นเอง ฮ่าฮ่า จองห้องถูกสุดก็เป็นงี้อ่ะนะ
Day 8 : Almaty – BKK
วันสุดท้ายของทริป เราเที่ยวในตัวเมือง วันนี้เราจะไปเล่นหิมะกันที่ Shymbulak Ski Resort โดยเรานั่งรถบัสสาย 12 จากแถวๆ ที่พักไปลงที่ Medeo Skate Rink ที่ดูข้อมูลมา คือ เราสามารถนั่งเคเบิลคาร์จาก Medeo Skate Rink ไปที่ Shymbulak Ski Resort ได้เลย แต่ปรากฏว่าตอนที่ไปถึงเคเบิลคาร์ปิดจ้า และนักท่องเที่ยวที่มาก็เฟลเหมือนเรากันหมดนี่แหละ
วิธีการขึ้นไปด้านบนอีกวิธีก็คือ ต้องนั่งรถขึ้นไปอีกต่อนึง เค้ามีให้บริการทั้งแบบรถ Shuttle และแท็กซี่ ซึ่งจะเรียกแท็กซี่ที่ไหนก็ได้ไม่ได้นะ ต้องเป็นแท็กซี่ของบนนั้นเท่านั้น เพราะเค้าให้ใช้เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด แถวต่อคิวขึ้น Shuttle ยาวมาก ดีที่มีคนเดินมาชวนเราแชร์ค่าแท็กซี่ ถ้าจำไม่ผิดค่าแท็กซี่เที่ยวละ 4,000 KZT เราไป 4 คนตกคนละ 1,000 KZT ส่วน Shuttle ราคา/คน/เที่ยว 700 KZT
ไปถึงด้านบนมีร้านอาหาร คาเฟ่เพียบ เรามุ่งหน้าไปที่ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเคเบิลคาร์ไปด้านบนกัน ค่าเคเบิ้ลคาร์คนละ 1,500 KZT
ขึ้นมาถึงด้านบน โอ้โห…วิวหิมะสวยมาก เมื่อกี้ด้านล่างต้นไม้ยังเขียวเต็มเขาอยู่เลย เดินเล่นชมวิวหิมะกันเพลินๆ
ด้านบนมีคาเฟ่ด้วย วิวสวยมาก
ขากลับลงมาเรานั่ง Shuttle ลงมา ขาลงแทบไม่มีคิวเลย เรานั่งบัสกลับไปที่ตัวเมือง ไปแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้าน JumpinGoat Coffee อันนี้ทำการบ้านมาก่อนแล้ว เห็นรีวิวกับเมนูน่ากินมาก เป็นร้านที่แนะนำเลย อาหารอร่อย นั่งชิลมาก
กินอิ่มเรียบร้อย เราเรียก Yandex ไปกันต่อที่ President Park แต่ๆๆๆ ดันปักหมุดไปผิดสวน ฮ่าฮ่า ไปโผล่ที่ซักสวนเป็นเหมือนสวนสาธารณะที่ใหญ่มากและมีสวนสนุกข้างใน เดินไปสักพักเฮ้ย มันไม่ใช่และ รีบออกมาเรียกรถอีกรอบ รอบนี้ชั้นจะไม่พลาดแล้ว
จริงๆ ที่เที่ยวอันนี้ไม่ได้แพลนมา แต่เราเห็นสวนนี้ตอนที่เรานั่งรถไป Big Almaty Lake เห็นผ่านๆ แล้วแบบเฮ้ยยย สวยมาก แต่ว่าไม่ได้ถามชื่อจากน้องไกด์มา ก็เลยมาตามหาเองทีหลัง แล้วก็ไปผิดที่อย่างที่บอก
สวนนี้คนมาเดินเล่นและถ่าย Prewedding เยอะมาก สวนใหญ่ บรรยากาศดี จุดไฮไลท์ก็คือ น้ำพุ นี่แหละ สวยมาก มีวิวเขาหิมะอยู่ด้านหลังด้วย
เดินเล่น ถ่ายรูปเพลินๆ แล้วไปต่อกันที่สุดท้ายของทริปนี้ Kok-Tobe ค่าเคเบิลคาร์คนละ 5,000 KZT จริงๆ ตามที่แพลนไว้เราต้องไปที่นี่ตั้งแต่สองวันแรกที่อยู่ในเมือง
แต่ว่าสภาพอากาศไม่ค่อยดี เราก็เลยมาวันสุดท้ายแทน แต่…ก็ไม่รอดจ้ะ ฟ้าครึ้ม หมอกลง แถมฝนตกอีกต่างหาก ดูวิวแบบไม่ค่อยจะเห็นวิวเท่าไหร่ ก็เลยจำใจลงมาก็ได้ เพราะฝนเริ่มตกหนักแล้ว คนต่อคิวลงกันเพียบ
เราก็เลยลงมานั่งกิน Burger King อยู่ข้างล่าง กินเสร็จ เฮ้ย!!! แดดออก รออะไรล่ะ ซื้อตั๋วกลับขึ้นไปใหม่อีกรอบ ฮ่าฮ่า ก็งงตัวเองเหมือนกัน แต่มาแล้วอ่ะนะ ขอดูวิวดีๆ ซักหน่อย ก็เลยกลับขึ้นไปอีกรอบ และก็ถือว่าไม่เสียเที่ยว ได้เห็นแสงเย็นกับวิวเมือง Almaty ถือเป็นการปิดทริปที่ดี
จากนั้นก็กลับไปเอาของที่ที่พักแล้วก็ไปสนามบิน ไฟล์ทขากลับเวลาตี 1 กลับถึงไทยประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ
ใครที่เป็นสาย Landscape เที่ยวธรรมชาติ เราแนะนำคาซัคสถานเลย อยากให้ลองไปสักครั้ง สวยเกินคาด ดีเกินเบอร์ไปมาก เป็นอีกประเทศที่ไปเที่ยวแล้วเราประทับใจมากๆ จริงๆ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคะ
รีวิวเที่ยวคาซัคสถาน